12 Tips ฝึกนิสัยการอ่าน ง่ายนิดเดียว!
หลายๆ คนคงประสบปัญหาว่า มีหนังสือที่ซื้อมามากมาย แต่ยังอ่านไม่หมดซักที เพราะเวลาจะอ่านหนังสือแทบไม่มี บางคนก็ดองไว้นานจนลืมไปแล้วว่า เอ เคยซื้อเล่มนี้มาด้วยเหรอ??? พอยังอ่านเล่มที่มีไม่หมด หนังสือเล่มใหม่ที่น่าสนใจก็ออกมาอีกแล้ว จะทำยังไงดีนะ ?
1.วางแผนเรื่องเวลา วางแผนไว้เลยว่าเราจะอ่านหนังสืออย่างน้อยครั้งละ 5-10 นาที ทำให้เป็นนิสัยที่จะอ่านหนังสือระหว่างทานอาหาร ไม่ว่าจะเช้า กลางวัน หรือเย็น (โดยเฉพาะเวลาที่ทานอาหารคนเดียว) รวมทั้งเวลานอน นั่นเท่ากับคุณมีเวลาถึง 4 ครั้งต่อวัน หรือเท่ากับ 40 นาทีต่อวันเลยทีเดียว
2.มีหนังสือไว้กับตัวตลอดเวลา ไม่ว่าคุณจะไปที่ไหน ก่อนออกจากบ้าน ติดเอาหนังสือไปกับคุณด้วยสิ ไม่ว่าจะไปออฟฟิศ ไปเรียน นัดเจอเพื่อนซี้ ทำธุระที่ธนาคาร ไปหาหมอฟัน ฯลฯ เวลานั่งรอ ก็หยิบหนังสือออกมาอ่านได้เสมอ แถมทำให้ไม่เสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์อีกด้วย
3.จัดทำลิสต์รายการหนังสือ เก็บลิสต์รายการหนังสือดีๆ ทั้งหมดที่ต้องการจะอ่านเอาไว้ แล้วบันทึกลงในสมุดบันทึกประจำวันของเรา, ในสมุดโน้ต หรือในโฮมเพจส่วนตัวก็ได้ พออ่านเสร็จ ก็แค่ขีดฆ่าเล่มที่เราอ่านแล้ว เท่านี้ก็สามารถจัดการลำดับในการอ่านหนังสือได้อย่างง่ายดาย
4. เก็บบันทึกเหตุการณ์ เหมือนกับลิสต์รายการอ่านหนังสือ แต่ไม่ใช่การบันทึกแค่ชื่อหนังสือ และผู้แต่งหนังสือที่เราอ่านเท่านั้นนะ แต่รวมถึงวันที่เริ่มอ่าน และวันที่อ่านจบ และถ้าจะให้ดี บันทึกสิ่งที่เราคิดเกี่ยวกับหนังสือเล่มนั้นๆ ไว้ด้วย เวลาย้อนกลับมาอ่านจะได้จำได้ไงล่ะ
5.ค้นหาสถานที่เงียบๆ ค้นหาสถานที่ในบ้าน ที่เราจะสามารถนั่งเก้าอี้ที่แสนสบาย (ไม่ใช่การนอนลงนะ เว้นว่าเราอยากจะนอนหลับ!!) และเอนตัวลงกับหนังสือดีๆ ได้ โดยปราศจากการรบกวนหรือขัดจังหวะ ซึ่งนั่นควรจะไม่มีโทรทัศน์ หรือคอมพิวเตอร์ตั้งอยู่ใกล้ๆ ที่จะทำให้ไขว้เขวไปได้ และต้องไม่มีเพลง หรือสมาชิกในครอบครัว, เพื่อนร่วมห้องที่ส่งเสียงดัง แต่ถ้าไม่มีสถานที่แบบนี้ ลองค้นหาให้เจอสิ อย่างเช่น ร้านกาแฟเล็กๆ ห้องสมุด หรือสวนสาธารณะที่เงียบๆ ลมเย็นๆ ก็ได้ …แค่นี้ก็ได้อ่านหนังสืออย่างมีความสุขแล้ว
6.ลดการดูทีวี หรือเล่นอินเตอร์เน็ต ถ้าคุณต้องการอ่านหนังสือให้มากกว่านี้จริงๆ ลองตัดการบริโภคทีวีหรืออินเตอร์เน็ตลง มันอาจจะเป็นสิ่งที่ยากสำหรับหลายๆ คน แม้ในตอนนี้ คุณก็สามารถอ่านหนังสือแทนการเล่นอินเตอร์เน็ตนะ! แค่นี้ก็สามารถสรรสร้างช่วงเวลาแห่งการอ่านหนังสือได้แล้ว
7.มีวันแห่งห้องสมุด ทำให้เป็นนิสัยในการเดินทางสำหรับทุกอาทิตย์ ด้วยการไปห้องสมุด นอกจากจะสามารถหยิบหนังสือของเราติดมือไปอ่านได้แบบเงียบๆ สบายๆ แล้ว ในนั้นยังมีหนังสือน่าอ่านตั้งมากมายรอให้เราไปค้นหา แทนที่จะไปเดินช้อปปิ้ง หรือนอนพักผ่อนเฉยๆ อยู่บ้าน ก็ไปห้องสมุด แล้วหาหนังสือถูกใจอ่านกันเถอะ เพราะนอกจากได้อ่านหนังสือในบรรยากาศเงียบๆ สมใจแล้ว ยังได้อ่านฟรีอีกต่างหาก…คุ้มแสนคุ้ม!
8.อ่านหนังสือที่สนุกๆ และกระตุ้นความสนใจได้ ค้นหาหนังสือที่น่าสนใจจริงๆ สำหรับคุณ แม้ว่าหนังสือพวกนั้นจะไม่ใช่วรรณกรรมระดับมาสเตอร์พีซ แต่ทำให้เราอยากอ่านมันได้ แค่นั้นก็พอแล้วล่ะ หลังจากนั้น เราก็สามารถเปลี่ยนไปอ่านอะไรที่มันยากขึ้นได้ แต่สำหรับตอนนี้ มุ่งไปสู่สิ่งที่ทำให้สนุก และสิ่งที่น่าสนใจดีกว่านะ อย่างนิยายโรแมนติกคอเมดี หรือ ซีรีส์สืบสวนหรรษา ที่เรียกเสียงฮาได้ตั้งแต่ต้นจนจบนั่นไง
9.ทำให้การอ่านหนังสือเป็นสิ่งที่ให้ความเพลิดเพลิน ทำให้การอ่านหนังสือของเราเป็น ช่วงเวลาที่น่าโปรดปราน อย่างการจิบชาดีๆ หรือจิบกาแฟในช่วงเวลาที่อ่านหนังสือ มีเก้าอี้ที่แสนสบาย หรือจะเลือกช่วงเวลาในการอ่านหนังสือระหว่างช่วงที่พระอาทิตย์ขึ้น หรือพระอาทิตย์ตก หรือไปนอนเอกเขนกที่ชายหาด ก็ย่อมจะช่วยสร้างบรรยากาศให้เราเพลิดเพลินกับการอ่านหนังสือได้เป็นอย่างดีเชียวล่ะ
10.บันทึกเรื่องราวการอ่านหนังสือลงไปใน Blog เป็นอีกหนึ่งในเคล็ดลับที่ดีที่สุดที่จะ สร้างนิสัยในการอ่าน คือการบันทึกเรื่องราวลงใน Blog ของเรา จะเป็น Hi5, Facebook, Multiply หรืออะไรก็แล้วแต่ นอกจากจะสามารถอธิบายความคิดของเราเกี่ยวกับหนังสือเล่มนั้นๆ ได้แล้ว คนอื่นๆ ยังสามารถให้คำแนะนำเราเกี่ยวกับหนังสือ และแสดงความคิดเห็นในหนังสือบางเล่มที่เรากำลังอ่านได้อีกด้วย
11.วางแผนเป้าหมายสูงสุด บอกตัวเองว่า เราต้องการอ่านหนังสือจำนวน 50 เล่มในปีนี้!! (หรือตัวเลขอื่นๆ ประมาณนั้น) หลังจากนั้น วางแผนที่จะทำเป้าหมายนี้ให้สำเร็จ แต่ต้องแน่ใจว่าเราจะยังคงสนุกกับการอ่านอยู่ ไม่ต้องรีบเร่ง เพราะเป้าหมายจริงๆ ของเราก็คือ การอ่านหนังสือที่เคยซื้อเอาไว้ให้หมดนี่นา…
12.มีชั่วโมงการอ่าน หรือวันแห่งการอ่าน ถ้าปิดทีวี หรืออินเตอร์เน็ตตอนเย็นๆ เราก็สามารถวางแผนเวลา (บางทีแค่หลังทานข้าวเย็น) เมื่อเราและสมาชิกในครอบครัวทั้งหมดอยู่ด้วยกัน ถ้าทำให้พวกเขาเหล่านั้นร่วมกับเราได้ในการอ่านหนังสือได้ ก็จะสนุกสุดๆ ไปเลย!!!
by รักโลก
THINK GREEN ขยะแลกแต้ม ลดโลกร้อน 2 ต่อ กับ “บิ๊กบิน”
เพื่อตอบรับ "อุปสงค์สีเขียว" ของผู้บริโภค Green Concept หรือแนวคิดสีเขียว ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจต่างๆ ที่ต้องการเข้ามามีส่วนร่วมในการดูแลสิ่งแวดล้อม ปลูกจิตสำนึกให้ลูกค้าขององค์กรนั้นๆ รักษาสิ่งแวดล้อมร่วมกัน ผ่านทางโครงการหรือกิจกรรมต่างๆที่จัดขึ้น...
ดังเราจะเห็นได้จากข่าว โฆษณาหรือประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่างๆ ทั้งรูปแบบ "จิตอาสาเพื่อสิ่งแวดล้อม" หรือ"จิตสาธารณะเพื่อสังคม" นับเป็นกระแสสีเขียว ที่ควรส่งเสริมสนับสนุนให้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในระบบเศรษฐกิจไทย ใส่ใจสิ่งแวดล้อม เข้าสู่ยุค "น่านน้ำสีเขียว" หรือ Green Ocean

วันนี้ กรีน โอเชี่ยน มีโครงการความคิดดีๆ เพื่อสิ่งแวดล้อม มาแนะนำให้รู้จักกันครับ
โครงการ ขยะแลกแต้ม ลดโลกร้อน 2 ต่อ กับ “บิ๊กบิน”
โครงการบิ๊กบิน BIG BIN เป็นโครงการรณรงค์ลดภาวะโลกร้อน ดำเนินโครงการมาเป็นระยะเวลาปีกว่าแล้ว และเป็นโครงการที่ดำเนินการอย่าง “อิสระ” ไม่ได้ขึ้นตรงต่อหน่วยงานของภาครัฐ หน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง แต่ยินดีให้ความร่วมมือกับทุกองค์กรที่มีความมุ่งมั่น และมีเป้าหมายเดียวกัน ที่จะร่วมแก้ปัญหาขยะล้นเมือง และปัญหาภาวะโลกร้อนในปัจจุบัน
“บิ๊กบิน” เริ่มต้นโครงการที่จังหวัดนครราชสีมา (เนื่องจากเจ้าของโครงการเกิดและโตที่นั่น) จังหวัดที่ 2 คือจังหวัดเชียงใหม่ โดยได้รับการสนับสนุนพื้นที่เพื่อให้ตั้งศูนย์บริการโครงการบิ๊กบิน จากคุณตัน (โออิชิ) ที่บริเวณพื้นที่ THINK PARK (แยกรินคำ) ย่านธุรกิจการค้านิมมานเหมินทร์ โดยจัดเป็นศูนย์บริการให้ข้อมูลเรื่องการคัดแยกขยะจากต้นทาง และข้อมูลเกี่ยวกับปัญหาภาวะโลกร้อนในปัจจุบัน ในนามโครงการ THINK GREEN on THINK PARK by BIG BIN และจังหวัดที่ 3 กำลังจะเปิดให้บริการในปลายเดือนเมษายนนี้ ที่จังหวัดชัยภูมิ

ขยะแลกแต้ม ลดโลกร้อน 2 ต่อ อย่างไร?
ต่อที่หนึ่ง...รณรงค์เพื่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจ เกี่ยวกับปัญหาภาวะโลกร้อน และปรับทัศนคติว่าปัญหานี้ไม่ใช่เรื่องไกลตัว และทุกคนมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหา สามารถเริ่มต้นมีส่วนร่วมง่ายๆ โดยการคัดแยกขยะจากต้นทาง เพื่อลดการปนเปื้อนของขยะ และนำกลับสู่กระบวนการรีไซเคิล (เพื่อลดปริมาณขยะที่ต้องนำไปเผาหรือฝังกลบ)
ต่อที่สอง...สามารถนำขยะมาสะสมแต้ม แลกเปลี่ยนเป็นผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยสามารถแลกได้ตั้งแต่ไข่ไก่ปลอดสารพิษ หรือจะนำกระดาษใช้แล้ว หน้า-หลัง มาแลกเป็นกระดาษ A4 ริมใหม่ ที่ใช้ต้นไม้แค่ 70% (ลดการตัดต้นไม้ 30%) จนถึงเครื่องใช้ไฟฟ้าประหยัดไฟเบอร์ 5 และล่าสุดสามารถแลกเป็นส่วนลดในการซื้อ MAC BOOK PRO* รุ่นที่สามารถรีไซเคิลได้ทั้งเครื่อง (แม้กระทั่งแบตเตอรี่ก็สามารถรีประจุได้)(*ส่วนลดนี้ เป็นเงื่อนไขเฉพาะของโครงการบิ๊กบินเท่านั้น ไม่เกี่ยวข้องกับโปรโมชั่นและ เงื่อนไขของบริษัทเจ้าของผลิตภัณฑ์แต่อย่างใด)

โครงการ “บิ๊กบิน” จะเปิดให้บริการอยู่ที่ ARENA 10 (อารีน่า เท็น) ที่ทองหล่อ
และที่ "บ้านวารี" ในสอยสายลม (พหลโยธินซอย 8) ในเร็วๆนี้
และที่ "บ้านวารี" ในสอยสายลม (พหลโยธินซอย 8) ในเร็วๆนี้
by รักโลก
รักโลก...มารู้จักกับฉลาก Cool Mode กับโครงการส่งเสริมพัฒนาเสื้อผ้า ลดโลกร้อน กันนะ...
จากปัญหาการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ที่เป็นสาเหตุของภาวะโลกร้อน จึงทำให้ประเทศต่างๆหันมาสนใจ และตระหนักถึงภัยพิบัติ และหาธีการต่างๆ ที่จะช่วยลดโลกร้อน โดยร่วมมือกันหาทางลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งภาคอุตสาหกรรม และเกษตรกรรม ภาคบริการ รวมถึงประชาชนในฐานะของผู้บริโภค...
ซึ่งในส่วนของผู้บริโภค ที่สามารถทำได้คือ การเลือกซื้อสินค้าและบริการที่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกน้อยให้น้อยที่สุด

ในส่วนของภาคอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับสิ่งทอ ก็ได้มีการส่งเสริมให้มีการพัฒนาวัสุดสิ่งทอ และออกแบบเครื่องนุ่งห่ม โดยเฉพาะชุดทำงานที่สวมใส่แล้วไม่ร้อน สามารถอยู่ในอาคารหรือห้องที่ปรับอุณหภูมิ 25 องศาเซลเซียสได้ โดยไม่อึดอัด...
ซึ่งจะสามารถช่วยลดการใช้กระแสไฟฟ้า สำหรับเครื่องปรับอากาศ และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ทั้งทางตรงและทางอ้อมได้...
ดังนั้นองค์กรบริหารก๊าซเรือนกระจก (องค์กรมหาชน) จึงได้ร่วมมือกับสถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ และกลุ่มผู้ผลิตสิ่งทอ จัดทำโครงการส่งเสริมการพัฒนาเสื้อผ้าลดโลกร้อนขึ้น เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับผู้บริโภคในการใช้เสื้อผ้า ที่สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก


ตลอดจนส่งเสริมให้เกิดผู้ผลิต และตลาดสินค้าสิ่งทอที่ลดโลกร้อนในประเทศไทย โดยมีการจัดตั้งเป็นคณะกรรมการ และกำหนดเกณฑ์มาตรฐานคุณลักษณะของวัสดุผ้าที่มีการระบายความร้อน พร้อมทั้งมีการมอบโลโก้ หรือตราสัญลักษณ์ Cool Mode ให้แก่ผู้ผลิตเสื้อผ้า ที่ใช้วัสดุ ชนิดผ้า และการออกแบบ ตามที่กำหนดไว้ในโครงการ
ซึ่งคุณสมบัติของผ้าลดโลกร้อน จะต้องเป็นผ้าที่สวมใส่แล้วเย็นสบาย ทำความสะอาดง่าย เพื่อลดการใช้พลังงานในเครื่องปรับอากาศ และการใช้น้ำ เป็นต้น ซึ่งอาจเป็นผ้าที่ทำจากเส้นใยธรรมชาติ หรือเส้นใยประดิษฐ์ และอาจผสมเส้นใยสังเคราะห์ ที่มีการพัฒนาให้มีคุณสมบัติพิเศษ ในการซับเหงื่อจากผิวหนัง หรือมีการเพิ่มความเย็นสบาย ให้กับผู้สวมใส่ด้วยนวัตกรรม เช่น การใช้เทคโนโลยีพิเศษผลิตเส้นใย (fiber technology) หรือ การใช้เทคโนโลยีการตกแต่งสำเร็จด้วยสารชีวภาพ (biotech Finishing technology) เพื่อช่วยลดอุณหภูมิผิวหนัง ทั้งนี้ผ้าต้องมีคุณภาพความคงทนได้มาตรฐาน และมีความปลอดภัยสำหรับผู้สวมใส่ด้วย...

จากภาวะมลพิษที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบต่อโลกในปัจจุบันอย่างชัดเจน ทำให้สินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นทุกขณะ ทั้งสำหรับผู้บริโภคและผู้ผลิตเอง สำหรับอุตสาหกรรมสิ่งทอ สินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมหรือ Eco-Textile ก็เริ่มได้รับความนิยมไม่แพ้สินค้าประเภทอื่นๆ เช่นกัน
หนึ่งในยุทธศาสตร์ของแผนลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของไทย โดย องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) คือ การทำฉลาก "คูลโหมด" (Cool Mode) สำหรับผลิตภัณฑ์เสื้อผ้าและสิ่งทอ ซึ่งจะช่วยให้ผู้สวมใส่รู้สึกสบาย ไม่อึดอัด เพิ่มอุณหภูมิ แอร์ 1 องศาได้โดยไม่ร้อนกาย อันเป็นแนวทางหนึ่งในการลดการปลดปล่อยคาร์บอนจากภาคพลังงาน...
ต่อไปนี้จะซื้อเสื้อผ้ามาสวมใส่ อย่ามองหาแต่ป้าย Saleๆๆๆ ลองมองหาสินค้าที่มีสัญลักษณ์ "คูลโหมด" (Cool Mode) คุณไม่ร้อน...โลกก็ไม่ร้อน
by รักโลก
รองเท้ากีฬาของคุณ เก่าแล้วไปไหน : Nike Reuse-A-Shoe
Nike มีปณิธานในการดำเนินธุรกิจ โดยคำนึงถึงความรับผิดชอบต่อสังคม และเพื่อลดขยะของเสียที่ไม่จำเป็น Nike จึงได้ริเริ่มจัดทำโครงการ Reuse-A-Shoe ขึ้นมาในอังกฤษ เมื่อปลายปี ค.ศ. 2004

Nike put soles into their corporate soul
โดย Nike จะทำการรวบรวมรองเท้ากีฬาเก่า (ทุกยี่ห้อ) จากศูนย์เก็บรองเท้าเก่าทั่วประเทศอังกฤษ แล้วนำไปแปรรูปเป็นวัสดุเม็ดยางรีไซเคิล ที่เรียกว่า Nike Grind
ซึ่งวัสดุ Nike Grind จะถูกนำไปใช้เป็นส่วนหนึ่งในพื้นผิวสนามเด็กเล่น Playtop ซึ่งพื้นผิวสนามเด็กเล่นสีดำของ Playtop ที่ประกอบด้วย Nike Grind จะมีวัสดุรีไซเคิล คิดเป็นปริมาณสูงถึง 92%

Nike Reuse-a-shoe program today at Niketown Honolulu
และพื้นผิวทุกตารางเมตรของ Playtop จะมียางที่ได้มาจากรองเท้ากีฬาประมาณ 12 คู่ กับยางรถยนต์ 1 อัน การนำเม็ดยางที่ผลิตจากยางรถยนต์ และรองเท้ากีฬา มาใช้ให้เป็นประโยชน์ ช่วยลดขยะของเสียประเภทรองเท้าหรือยางรถยนต์ ที่ไม่ต้องการแล้วลงได้มาก...

Playtop by Nike Grind
พื้นผิวดูดซับแรงกระแทก Playtop มีเอกลักษณ์ที่พิเศษโดดเด่น เพราะไม่เพียงแต่จะช่วยให้เด็กทั่วโลกได้มีพื้นผิวสนามเด็กเล่นที่ปลอดภัยเท่านั้น หากแต่ยังทำด้วยวัสดุรีไซเคิล จากยางรถยนต์และรองเท้ากีฬาด้วย...นี้จึงเป็นตัวอย่างของธุรกิจ ที่นำเรื่องการรักษาสิ่งแวดล้อม ด้วยอุปนิสัยวิธี Reuse + Recycle เข้ามามีส่วนร่วมกับแบรนด์ที่เกี่ยวข้องกับกีฬา ได้เป็นอย่างแนบเนียนดีทีเดียว
by รักโลก
ถึงเวลา “บรรจุภัณฑ์สีเขียว” คุณพร้อมที่จะจ่ายเพิ่มขึ้นอีกนิด เพื่อโลกสีเขียวหรือเปล่า ?

โลกกำลังต้องการ บรรจุภัณฑ์สีเขียว
ความตื่นตัวของผู้บริโภค ต่อเรื่องความปลอดภัยอาหาร ได้กลายเป็นประเด็นภาคบังคับสำหรับบรรจุภัณฑ์อย่างเต็มตัว โดยเฉพาะในช่วง 2-3 ปีมานี้ เราจะเห็นว่า มีกฎระเบียบมาตรฐานใหม่ เกี่ยวกับด้านความปลอดภัยของบรรจุภัณฑ์ ที่สัมผัสกับอาหารออกมาอย่างต่อเนื่อง...

" ในที่สุดแล้ว มนุษย์ก็สามารถถอดรหัสมันออกมาได้ พลาสติกชีวภาพ ที่ย่อยสลายได้ "


เป็นข่าวที่น่ายินดีสำหรับผู้บริโภค ที่ห่วงใยสิ่งแวดล้อม
เมื่อ 2 บริษัทยักษ์ใหญ่วงการน้ำดำโลก คิดค้นนวัตกรรมขวดพลาสติกชีวภาพ ออกมาแข่งขันกัน
โดยขวดชนิดใหม่ของ โค้ก มีชื่อว่า "แพลนต์บอตเทิล" (plantbottle) เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
ส่วนขวดรุ่นใหม่ของ เป๊ปซี่ ผลิตขึ้นจากหญ้า switchgrass หญ้าพื้นเมืองของสหรัฐ
เปลือกของต้นสนมาริไทม์ของฝรั่งเศส เปลือกของเมล็ดข้าวโพด และวัสดุอื่นๆ
เมื่อ 2 บริษัทยักษ์ใหญ่วงการน้ำดำโลก คิดค้นนวัตกรรมขวดพลาสติกชีวภาพ ออกมาแข่งขันกัน
โดยขวดชนิดใหม่ของ โค้ก มีชื่อว่า "แพลนต์บอตเทิล" (plantbottle) เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
ส่วนขวดรุ่นใหม่ของ เป๊ปซี่ ผลิตขึ้นจากหญ้า switchgrass หญ้าพื้นเมืองของสหรัฐ
เปลือกของต้นสนมาริไทม์ของฝรั่งเศส เปลือกของเมล็ดข้าวโพด และวัสดุอื่นๆ
ผู้ผลิตอาหารจึงต้องให้ความสำคัญ กับผลทดสอบวัสดุที่ใช้ทำบรรจุภัณฑ์อย่างเคร่งครัด นอกจากนี้ ประเด็นเรื่องความยั่งยืน (Sustainability) ก็กลายเป็นหัวใจของกลยุทธ์ ในการเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ของบริษัททั่วโลก ที่ผู้ผลิตไทยต้องตามให้ทันภาพรวมบรรจุภัณฑ์โลก...
การปรับเปลี่ยนทิศทางของบรรจุภัณฑ์อาหารในปี 2554 นี้ คงหนีไม่พ้นปัจจัยใหญ่ๆ 3 ประการ ที่มีอิทธิพลต่ออุตสาหกรรมอาหาร นั่นคือ ภาวะเศรษฐกิจ, ผู้บริโภค และธุรกิจค้าปลีกยักษ์ใหญ่...
ทั้ง 3 เรื่องดังกล่าว กระทบต่อการตัดสินใจของผู้ผลิตอาหาร ในการเลือกบรรจุภัณฑ์ และลงทุนในนวัตกรรมของเครื่องจักร ซึ่งยังต้องอยู่ภายใต้ความยั่งยืน และการจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ...



กระทงใบตอง ธรรมชาติสร้างสรรค์ นวัตกรรมฝีมือไทยๆ กำลังจะกลับมาอีกครั้ง
ภาพรวมทิศทางบรรจุภัณฑ์อาหารของโลกในปี 2554 สามารถสรุปแนวโน้มที่ชัดเจนได้ 6 เรื่อง คือ
1. ลดการใช้วัสดุทำบรรจุภัณฑ์ลง
2. ลดการใช้พลาสติกจากการผลิตปิโตรเคมี หันมาใช้พลาสติกจากธรรมชาติ (Bio-based Materials)
3. เพิ่มการใช้วัสดุที่รีไซเคิลได้ หรือย่อยสลายทางชีวภาพได้
4. สรรหาวัสดุจากแหล่งที่ใกล้ที่สุด เพื่อลดระยะทางขนส่ง และการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
5. จัดสรรการใช้ Pallet ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
6. ออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่พร้อมขายปลีก เพื่อลดบรรจุภัณฑ์ส่วนอื่น (Retail Ready Packaging, RRP)
2. ลดการใช้พลาสติกจากการผลิตปิโตรเคมี หันมาใช้พลาสติกจากธรรมชาติ (Bio-based Materials)
3. เพิ่มการใช้วัสดุที่รีไซเคิลได้ หรือย่อยสลายทางชีวภาพได้
4. สรรหาวัสดุจากแหล่งที่ใกล้ที่สุด เพื่อลดระยะทางขนส่ง และการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
5. จัดสรรการใช้ Pallet ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
6. ออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่พร้อมขายปลีก เพื่อลดบรรจุภัณฑ์ส่วนอื่น (Retail Ready Packaging, RRP)
by รักโลก
Earth Day วันคุ้มครองโลก เพื่อให้โลกคุ้มครองเรา
อย่าถามว่าวันนี้ ประเทศไทยจะจัดกิจกรรม Earth Day อะไร ที่ไหนบ้าง?
จงถามว่า "เรา" และ "คุณ" จะคิดทำอะไรเพื่อโลกบ้าง...
ขอแค่ 2 วันเพื่อโลก...คือวันนี้คิด...และพรุ่งนี้ลงมือทำ...
จงถามว่า "เรา" และ "คุณ" จะคิดทำอะไรเพื่อโลกบ้าง...
ขอแค่ 2 วันเพื่อโลก...คือวันนี้คิด...และพรุ่งนี้ลงมือทำ...

22 เมษายน เป็นการเริ่มต้นฤดูใบไม้ผลิในซีกโลกเหนือ และฤดูใบไม้ร่วงในซีกโลกใต้...
วันนี้จึกถูกกำหนดขึ้นให้เป็น “วันคุ้มครองโลก” หรือ Earth Day
ถือเป็นวันสำคัญ...ของขบวนอนุรักษ์ธรรมชาติทั่วโลก
ถือเป็นวันสำคัญ...ของมวลมนุษยชาติที่อาศัยอยู่บนโลก
เรา...และ คุณ....คือหนึ่งในมนุษยชาติ ที่อาศัยอยู่บนโลกใบนี้...
วันนี้จึกถูกกำหนดขึ้นให้เป็น “วันคุ้มครองโลก” หรือ Earth Day
ถือเป็นวันสำคัญ...ของขบวนอนุรักษ์ธรรมชาติทั่วโลก
ถือเป็นวันสำคัญ...ของมวลมนุษยชาติที่อาศัยอยู่บนโลก
เรา...และ คุณ....คือหนึ่งในมนุษยชาติ ที่อาศัยอยู่บนโลกใบนี้...
คนทั่วโลกต่างเห็นพ้องต้องกันแล้วว่า...การเปลี่ยนแปลงตัวเอง และสร้างอุปนิสัยใหม่ ในการดำเนินชีวิตประจำวัน ด้วย 7 อุปนิสัยสร้างโลกสีเขียว (7 Green Habits) คือคำตอบที่เราจะช่วยกัน "คุ้มครองโลก" ได้
7 อุปนิสัยสร้างโลกเขียว ประกอบด้วย 7 Re....คือ
Rethink เปลี่ยนความคิด ที่จะเปลี่ยนแปลงด้วยตนเองReduce ลดการใช้ ลดการบริโภค ให้เหลือแต่เท่าที่จำเป็นกับชีวิต
Reuse ใช้ประโยชน์ซ้ำๆ กับสิ่งของที่ต้องเสียเงินซื้อมา
Recycle คัดแยกก่อนจะทิ้งเป็นขยะ เปลี่ยนสภาพนำกลับมาใช้ใหม่
Recondition ใช้ถูกวิธี ยืดอายุสิ่งของที่ใช้งาน ตรวจเสีย...ซ่อมได้
Refuse ปฏิเสธสินค้าฟุ่มเฟือย ปฏิเสธความอยากได้ตามกระแส
Return ใช้ทรัพยากรธรรมชาติแล้ว อย่าลืมตอบแทนคืนแก่โลกด้วยนะ
คำว่าโลกในที่นี้มีความหมายอยู่ 2 นัย นัยแรก หมายถึง โลกทางกายภาพ ที่มีภูเขา แม่น้ำ พื้นดิน แผ่นฟ้า มหาสมุทร...
อีกนัยหนึ่ง หมายถึงชาวโลก คือ สรรพชีวิตทั้งปวงที่อาศัยอยู่บนโลก การคุ้มครองโลกจึงหมายถึงการคุ้มครองทั้งสิ่งแวดล้อมและคุ้มครองชาวโลกด้วย
7 Green Habits 7 อุปนิสัยสร้างโลกเขียว...... 1 Rethink 2 Reduce 3 Reuse 4 Recycle 5 Recondition 6 Refuse 7 Return ......
by รักโลก
เคล็ดลับ ใบหน้าอ่อนเยาว์
การหมั่นดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจิต สามารถทำให้ใบหน้าดูเด็กกว่าวัยได้ การบริโภคผักและผลไม้ 7 อย่างที่มีคุณสมบัติช่วยในการชะลอวัย ซึ่งได้แก่ ลูกพรุน ถั่ว บรอกโคลี่ แอปเปิ้ล กล้วยไข่ ฝรั่ง และส้ม ล้วนแล้วแต่เป็นแหล่งอาหารชั้นดี และมีสารที่เป็นประโยชน์แก่คุณผู้หญิงทุกวัย เพราะนอกจากจะช่วยทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งงดงามแล้ว ยังช่วยชะลอความชราได้อีกด้วย
"20 เคล็ดลับ ใบหน้าอ่อนเยาว์"
2. อย่าอยู่ใกล้ควันบุหรี่ เพราะคนที่อยู่ใกล้ๆ ควันบุหรี่วันละไม่ต่ำกว่า 4 ชั่วโมงจะดูแก่กว่าอายุจริง 6.9 ปี ซึ่งพอๆ กับคนที่สูบบุหรี่เป็นประจำเลยทีเดียว
3. แปรงฟัน และใช้ฟลอสขัดฟันทุกวัน เพราะคนฟันสวย จะดูเด็กกว่าประมาณ 6.4 ปี
4. เซ็กส์ที่มีคุณภาพหมายถึงไปจุดสุดยอดได้มากเท่าไรใน 1 ปี จะทำให้เราดูเด็กกว่าอายุจริงได้ถึง 1.6-8 ปี
5. อย่าอดอาหารเช้า บริโภคมือเช้าทุกวันจะดูเด็กกว่าอายุจริงๆ ลงได้ 2 ปี
6. หัวเราะเข้าไว้การหัวเราะ ทำให้คุณดูเด็กลง 1.7-8 ปี
7. เลือกอาหารไขมันต่ำ อาหารไขมันต่ำ ทำให้ดูเด็กลงไม่ต่ำกว่า 6 ปี
8. เรียนรู้สิ่งรอบๆ ตัวตลอดเวลา การเรียนรู้และหากิจกรรมทำสม่ำเสมอทำให้ดูเด็กลง 2.5 ปี
9. สร้างเครือข่ายสังคม การอยู่ในสังคมที่ดี มีเพื่อนสนิทครอบครัวที่รักใคร่ กลมเกลียวจะช่วยลดความเครียดจากการทำงาน จะทำให้เราดูเด็กลงได้ตั้งแต่ 2-30 ปี
10. นอนหลับให้เพียงพอ การนอนหลับยาวๆ นานๆ สม่ำเสมอในแต่ละคืนทำให้ดูอ่อนเยาว์กว่าวัย ผู้หญิงควรพักผ่อนให้ได้ 7 ชม. และผู้ชาย 8 ชม. จะทำให้ดูเด็กลง 3 ปี
11. เลี้ยงสุนัข และเดินเล่นกับมัน วิธีนี้จะทำให้เราดูเด็กลง 1 ปี
12. ไปตรวจสุขภาพบ้าง คนที่ดูแลสุขภาพตัวเองอย่างดี จะทำให้เราดูเด็กลงกว่าอายุจริงถึง 12 ปี
13. ตรวจสอบประวัติสุขภาพของครอบครัวการป้องกันตัวเองจากโรคที่เคยเป็นในครอบครัวดังกล่าว จะช่วยให้ดูเด็กกว่าพ่อแม่ เมื่อเวลาที่เรามีอายุเท่ากับท่านถึง 4 ปี
14. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ การออกกำลังกายที่เหมาะสมจะทำให้ดูเด็กลง 3-8 ปี
15. หยุดสูบบุหรี่ คนที่สูบบุหรี่เป็นประจำ จะดูแก่กว่าอายุจริง 8 ปี
16. งดบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ลง การติดแอลกอฮอล์ จะทำให้ดูแก่กว่าอายุจริง 3-5 ปี
17. อย่าลืมเรื่องเศรษฐกิจ คนที่มีปัญหาเครียดเรื่องเงิน จะทำให้ดูแก่กว่าอายุจริง 8 ปี
18. รักษาน้ำหนักให้มาตรฐานคงที่ คนที่ลดน้ำหนักลงได้ จะทำให้ดูเด็กกว่าอายุจริงไม่ต่ำกว่า 6 ปี
19. บริโภคอาหารแคลอรีต่ำ แต่คุณค่าโภชนาการสูง การบริโภคผักผลไม้สดและปลาจะทำให้ ดูเด็กลง 4 ปี
20. หาทางออกที่เหมาะสมเมื่อพบวิกฤติของชีวิตการเอาชนะปัญหาชีวิตได้ จะทำให้ดูเด็กลง 8-16 ปี
by รักโลก